หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553


เพื่อนมีกี่แบบ ใครที่ควรคบ

              " เพื่อน " เป็นส่วนสำคัญของมนุษย์ทุกคน บางคนจะเป็นจะตายก็เพราะเพื่อนนี่แหละเป็นผู้ชี้ขาด ไม่ใช่พ่อแม่พี่น้อง หรือสมาชิกในครัวเรือน เพราะธรรมชาติของมนุษย์ สามารถพูดคุยทุกเรื่องกับเพื่อนได้ แต่กับคนในครอบครัวกลับไม่กล้า แต่ใช่ว่ามีเพื่อนมากจะดีเสมอไป เพราะมีเพื่อนมาก เรื่องก็ย่อมมากตามจำนวนเพื่อน ตรงข้ามหากไม่มีเสียเลย ให้อยู่คนเดียวคงเหงาไม่ใช่เล่น


ยิ่งยุคนี้เศรษฐกิจฝืด เคือง มีเพื่อนเอาไว้บ่นเรื่องเงินๆ ทองๆ ก็ยังดีกว่าไม่มีที่ระบาย จากการรวบรวมด้วยการจำแนกเพื่อนออกตามสันดาน เอ๊ย...ลักษณะนิสัยต่างๆ จากบันทึกของคนสมถะเอง " เพื่อน" มีหลายชนิดมาก ท่านผู้ชม นับตั้งแต่


  • เพื่อนที่แสนจะเอาเปรียบ ไล่เรียงมาตั้งแต่เห็นแก่ตัว , เห็นแก่ได้ และเห็นแก่กิน แม้จะไม่อยากมีเพื่อนประเภทนี้เท่าไหร่ แต่ไม่รู้เป็นไง ทุกคนเป็นต้องมีเพื่อนอย่างนี้ปะปนอยู่เสมอกระนั้น อันความเห็นแก่ตัว ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร เพราะมนุษย์ทุกคน มีสัญชาตญาณของการรักษาตัวรอดเป็นยอดดีด้วยกันทั้งนั้น แต่ถ้าดีกรีของความเห็นแก่ตัวไม่แรงกล้าเท่าไหร่ จะมีคนอยากคบค้าสมาคมกับเรามากขึ้น




           การมีเพื่อนแบบนี้ (ไม่รู้ว่าสมควรให้เป็นเพื่อนดีไหม) ก็เก๋ไปอย่าง เพราะช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้รู้จักความเป็นคนมากขึ้น หากมัวแต่มีเพื่อนดีๆ แต่ไม่มีเลวซะเลย เราคงมองไม่เห็น เส้นแบ่งระหว่างสองสิ่งนี้สิจ๊ะ


 
 
  • เพื่อนช่างนินทา-พูดจา ไร้สาระ แบบนี้ยิ่งหาง่ายเข้าไปใหญ่ ในสังคมต้องมีคนเหล่านี้ ไม่งั้นคงแห้งแล้งน่าดู การนินทาก็บอกอยู่ในตัวแล้วว่า สามารถพูดได้ทั้งเรื่องจริงและไม่รู้จริง คนฟังก็ควรไปเจาะหูให้เกิดน้ำหนักถ่วงดุล เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ ไว้ล่วงหน้า
 
 
  • เพื่อนปากร้าย ใจดี อย่างนี้น่าคบกว่าเพื่อนที่ปากและใจร้ายทั้งคู่
 
 
  • เพื่อน ปากหวาน ดูดี แต่ร้ายลึก  หาได้ตามองค์กรทั่วไป แต่เชื่อขนมกินได้ว่า คนแบบนี้ต้องมีอย่างอื่นดีสักประการหนึ่ง ไม่งั้นคงไม่มีใครอยากคุยด้วย
 
 

  • เพื่อน ซื่อสัตย์และจริงใจ เป็นสุดยอดปรารถนาที่ทุกคนหมายปอง






เพื่อนๆๆว่าจริงมั้ยคะ

วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เพื่อนสนิท ... ก็คือ เพื่อนธรรมดาๆคนนึง ที่ดันสนิทกันมากกว่าเพื่อนธรรมดาๆทั่วๆไป ... ซึ่งมันก็ต้องมีอะไรหลายๆอย่าง ที่คล้ายๆกับเรามากกว่าเพื่อนคนอื่น ... ถึงจะมาสนิทกันได้ ... บางที อาจไม่ใช่นิสัย ... บางที อาจไม่ใช่หน้าตา ... บางที อาจไม่ใช่ฐานะ ... บางที อาจไม่ใช่ระดับความรู้ ... แต่มันอาจจะมีอะไรบางอย่าง ที่ต้องเป็น มั น ค น นี้ เ ท่ า นั้ น ที่ มี . . ... บางครั้ง ... เราก็ไม่ไป ที่ที่เราอยากไป ... เพียงเพราะว่า มันไม่ไปด้วย ... บางครั้ง ... นั่งเงียบอยู่ได้ตั้งนาน แต่แค่เห็นหน้ามัน ... น้ำตาที่กลั้นไว้แทบตาย กลับทะลักออกมาได้จนหมด ... บางครั้ง ... ถ้ามีเสียงหัวเราะของมันด้วย ... เราจะหัวเราะได้ดังกว่านี้ ... บางครั้ง ... ร้อยคำปลอบใจของใครก็ไม่รู้ ... ยังอุ่นใจไม่เท่ามือมันที่แค่ตบเบาๆที่หัวไหล่ บอกเป็นนัยๆว่า กรูอยู่ตรงนี้ ... ... ชอบคำๆนึงที่บอกว่า . . . . . เ ร า ไ ม่ ไ ด้ เ ป็ น แ ค่ เ พื่ อ น . . . . . แ ต่ เ ร า เ ป็ น ตั้ ง เ พื่ อ น ต่ า ง ห า ก . . ... เพราะเพื่อนมีความสำคัญมากๆ ... มากจนบางคนแยกไม่ออก เอาไปเปรียบเทียบกะแฟน ว่าอะไรสำคัญกว่ากัน ... ทั้งๆที่มันคนละเรื่องกันเลย ... แต่เมื่อเวลาที่เราอยู่ในห้วงของความรัก ... เพื่อน ... จะกลายเป็นส่วนเกินของโลกส่วนตัวเราทันที ... ไอ้เพื่อนสนิทเรา มันคงจะชินแล้ว ... ที่เวลาเรามีรักทีไร เราก็จะห่างๆมันไปทุกที ... เวลาที่จะกลับมานึกถึงมันได้อีกที ... ก็ตอนอกหักนู่นแหละ ... ก็เคยคิดเหมือนกันนะ ... ถ้าเราเป็นมัน จะรู้สึกยังไง ... คงจะประมาณว่า ... ' แม่ง ... พอมีแฟนก็ลืมเพื่อน' ... นี่ กะกรูไม่เคยช่วยห่ าไรเลย ทีกะแฟนแมร่งแทบถวายหัว' ... ' ต้องเลิกกะแฟนก่อนถึงจะจำเบอร์โทรกรูได้ใช่ไหม สราดดด' ... คิดๆดูแล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ... เพราะเวลาที่กำลังมีความสุขในห้วงของความรัก ... ก็แทบไม่ได้จะไปเที่ยวไหนกับมันเลย ... นานๆถึงจะได้คุยกันที ... แต่พอผิดหวัง พอเจ็บตัวขึ้นมา ... นาทีนั้นอยากกดโทรศัพท์ไปหามันก่อน ... อยากให้มันรับโทรศัพท์ก่อน ... ซึ่งบางทีมันนอนไปแล้วเราก็จะไล่มันกลับไปนอน ... ไม่ต้องตื่นขึ้นมาฟังเรื่องราวใดๆทั้งนั้น ... ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แค่มันรับโทรศัพท์ ก็พอแล้ว ... แบบนี้ละมั้งที่เค้าว่า ... ' เพื่อน คือคนที่สามารถนั่งอยู่ด้วยกันโดยไม่พูดอะไรสักคำ ' ... ' แต่ลุกจากกันไปได้เหมือนคุยกันไปนับล้านคำ ' ... ' เพื่อน ' ... ' คือคนที่เมื่อเราสุข เราไม่เห็นมันอยู่ในสายตา ' . . . ' แ ต่ เ ป็ น ค น ไ ม่ มี วั น ป ล่ อ ย ใ ห้ เ ร า ล้ ม ลง ไ ม่ ว่ า เ ร า จ ะ ไ ป เ จ็ บ ม าจ า ก ไ ห น . . .
เมื่อต้องเจอเพื่อนร้าย
“เมื่อเจอสุนัขดุ คงไม่มีใครยื่นมือไปให้มันกัด
เมื่อเจอคนที่พร้อมจะทำร้ายเรา
เราก็ไม่ควรเอาตัวเองไปอยู่ไกล้ให้เขาทำร้ายได้ง่ายๆเหมือนกัน”

ใคร ๆ ก็คงอยากมีเพื่อนที่ดี เพื่อนที่รักกันไปจนถึงวันตาย
เพื่อนที่ไม่เคยมีคำว่าหักหลังหรือทำให้เราเสียใจเพื่อน…ที่จะทำให้เราภูมิใจที่ได้รักกัน
แต่ในความเป็นจริงที่เราต้องเจอ คงไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นเพื่อนที่ดีของเรา
บ่อยครั้ง เราอาจแจ๊กพอตแตก ไปเจอเพื่อนที่ไม่ควรค่าแก่การที่เราจะเรียกเขาว่า “เพื่อน”
คนที่เอาเราไปนินทาลับหลัง คนที่ต่อหน้าทำเหมือนหวังดีต่อเรา
แต่เผลอเมื่อไหร่เป็นต้องทำให้เราเสียใจ เพื่อนที่คิดเอาเปรียบเราอยู่เสมอ
หลายคนพอเจอเพื่อนร้ายแบบนี้เข้า ก็ได้แต่นั่งร้องไห้ เกิดคำถามว่าทำไมเขาต้องทำร้ายเรา
ทั้งที่เรามอบความจริงใจให้ ทำไมถึงได้แต่สิ่งเลวร้ายเป็นการตอบแทน???
เมื่อเห็นฝนตก มันคงยากที่เราจะไปหยุดฝน แต่มันไม่ยากที่เราจะเลือกกางร่มให้ตัวเอง ไม่ให้เปียกปอน
เช่นเดียวกับเรื่องความสัมพันธ์ มันคงยากกับการเปลี่ยนใครให้เป็นอย่างเราต้องการ
แต่มันไม่ยากที่เราจะเปลี่ยนหัวใจตัวเองให้เข้มแข็งพอที่จะรับมือกับเรื่องที่อาจไม่เป็นดังหวัง
กับคนที่ไม่ได้หวังดีต่อเรา เราคงไม่อาจเปลี่ยนแปลงความคิดของเขาได้
เพราะบางคน ต่อให้เราทำดีแค่ไหน เขาก็สามารถมองว่ามันเลวร้ายได้ ต่อให้เราพยายามเอาชนะใจเขาแค่ไหน
เขาก็ยังเห็นเราเป็นแค่คนที่ไม่ควรได้รับสิ่งดีๆในมิตรภาพ
ฉะนั้น แทนที่จะไปพยายามเปลี่ยนแปลงเขา เราจึงน่าจะเปลี่ยนแปลงความคิดของเราให้เลิกแคร์ เลิกใส่ใจคนแบบนั้นดีกว่า
แทนที่จะมานั่งเสียใจ ตั้งคำถามว่าทำไมเขาถึงทำร้ายเรา
และพยายามเปลี่ยนแปลงทุกอยากให้ดีขึ้นทั้งที่เป็นไปไม่ได้
มันจึงน่าจะดีกว่า ถ้าเราจะเดินออกมาจากความสัมพันธ์นั้น แล้วเลือกแคร์แค่คนที่รักเรา
คนที่มีความปรารถนาดีต่อเรา และเกิดมาเพื่อเป็นเพื่อนแท้ของเรา
เพราะการที่สูญเสียเพื่อนที่ร้าย ๆไปสักคนสองคน คงไม่ใช่เรื่องใหญ่มากเกินไป
และบางที่ ฟ้าก็จงใจส่งคนร้ายๆ มาพบกับเรา
เพื่อให้เราเรียนรู้ที่จะสร้างภูมิต้านทานให้ตัวเองเพื่อรับมือกับคนร้าย ๆ ที่มีอยู่มากมายบนโลกใบนี้ให้ได้ก็เท่านั้น
หันหลัง เดินออกมาอย่างสง่าผ่าเผย
เลิกแคร์คนที่ไม่สมควรแคร์อย่างเขา แล้วเราก็จะพบว่า
เมื่อเลิกเอาใจไปจับจ้องอยู่กับคนใจร้าย เราก็จะมองเห็นคนดี ๆ ที่รักเราอยู่รอบกาย

แล้วคนเหล่านั้นก็จะมีค่ามากกว่าคนที่ไม่เห็นค่าในมิตรภาพของเราที่มอบให้

วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เทคนิคการเตรียมตัวสอบ



TEXT:ATOM

ใกล้สอบ จะใช้เทคนิคนี้ในการเตรียมตัวสอบทั่วไป หรือสอบ A-NET, O-NET ก็ไม่ว่ากันนะคะ ยังก็ขอให้สอบผ่านกันถ้วนหน้าแล้วกัน ^^ เริ่มกันเลยแล้วกัน วันนี้อะตอมมี 4 เคล็ดลับมาฝากค่ะ

1. ทำตารางสอบ
: โดยจดวันและเวลาที่สอบไว้ให้ชัดเจน

2. อ่านตำราโดยจัดลำดับตามตารางสอบ (ในข้อ 1)
: โดยเริ่มอ่านจากวิชาที่สอบวันแรก ไปจนถึงวันสุดท้าย และควรอ่านให้จบก่อนถึงวันสอบประมาณ 4 วันหรือมากว่านั้น และอ่านทบทวนอีกครั้งในวันสุดท้ายก่อนที่จะถึงวันสอบวิชานั้นๆ

3. พูดคุยกับเพื่อนๆ
: ไม่ใช่ชวนกันคุยเรื่องแฟชั่น เสื้อผ้า ดูหนัง หรือฟังเพลงนะคะแต่เป็นการพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเนื้อหาวิชาที่เราจะสอบ ถ้าจะให้ดีควรหากลุ่มเพื่อนสนิทแล้วเริ่มอ่านหนังพร้อมกัน และเมื่ออ่านจบก็ควรซักถามในส่วนที่ยังไม่เข้าใจเพื่อจะได้เป็นการทบทวนความรู้ให้เพื่อนและเพื่อเพิ่มความเข้าใจให้แก่ตนเองด้วย

4. ค้นคว้าเพิ่มเติม
: ในกรณีที่เรายังเข้าใจในเนื้อหาที่อ่านอย่างถ่องแท้เราก็ควรค้นคว้าเพิ่มเติมจากตำรา หรือว่าอาจารย์ผู้สอนรายวิชานั้นๆ และจดบันทึกข้อควรจำที่สำคัญๆ เพื่อทำความเข้าใจก่อนสอบ

วันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2553

10 คำฮิต ที่เด็กไทยขอพูดหลังรู้ผล GAT PAT
เพื่อแสดงความอาลัยยิ่งต่อคะแนนสอบ GAT PAT ก.ค. 53 ที่ออกมา พี่ลาเต้ มี 10 คำพูดฮิตๆ ที่แอบไปเห็นน้องๆ เด็กแอดฯ 54 เขาพูดกันตอนรู้ผลกันแล้ว แต่ละคำนั้นต้องบอกว่าออกมาจากใจจริงๆ จะมีคำว่าไรนั้น ไปพูด เอ๊ย ไปอ่านกันเลยครับ

1.“ตรวจผิดเปล่าเนี่ย” พูดไปสงสัยไปว่า สทศ. ตรวจผิดจริงเปล่า เพราะไม่น่าเชื่อว่าคะแนน PAT เลขจะเน่าจมดินขนาดนี้ ส่วน GAT ไม่ต้องพูดถึง ตอบเหมือนเพื่อนเป๊ะ เพื่อนได้เต็ม แต่ทำไมเราได้ไม่ถึงร้อย !!

2.“ไปซะแล้ว คณะในฝันของชั้นนน” ทันทีที่คะแนนออกมา สิ่งที่ลอยไปแล้วนอกจากสติคือคณะในฝันของใครหลายๆ คน เต็ม 300 ได้แค่ 130 จะไปเข้าที่ไหนได้เนี่ย โอ๊ยๆๆ ฝันสลายแล้ววว

3.“ครั้งหน้าเอาใหม่โว้ย” ใครที่พูดประโยคนี้ออกมา พี่ลาเต้ ขอปรมมือแบบเมลเลย์ให้เลย น้องเหมาะมากๆ ที่จะต่อสู้ไปกับระบบแอดมิชชั่น ไม่ต้องไปแคร์สื่อครั้งนี้ได้น้อย ครั้งหน้าก็เอาใหม่ จริงไหมๆๆ

4.“ห้องคิงเทพมากๆ กินอะไรเข้าไปน่ะ” อย่าให้รู้นะว่าเด็กห้องคิงกินอะไรเข้าไป ต่อให้แพงแค่ไหน เหนื่อยยากแค่ไหน ก็จะไปหามากินให้ได้ ดูซิจะเก่งเหมือนพวกเขากันไหม จะว่าไปเราก็กินปลาบ่อยๆ แล้วนะ ไม่ฉลาดขึ้นมาเลยเหรอ

5.“แม่ๆ ขอพารา 3 เม็ด” ขอด่วนเลยแม่ก่อนผมจะเป็นบ้าตาย เต็ม 300 ผมเก่งมากทำได้แค่ 120 แม่ว่าไงครับ หากไม่ว่าไงผมขอตัวไปกินยาก่อนนะ พารา พารา พารา (อย่ากินเยอะนะ เดี๋ยวหมด เอ๊ยเดี๋ยวไม่ตื่น)

6.“มีรับตรงที่ไหน ไม่ใช้ GAT PAT บ้างเนี่ย” มีไหม หากมีบอกเราด่วน จะไปสมัครทันทีภายใน 3 นาที 555 หรือหากใครไม่รู้ว่ารับตรง โควต้า มีที่ไหนเปิดรับบ้าง

7.“ดูซอนต๊อกดีกว่า เซ็ง !!” ยังเจ็บใจกับคะแนนที่ออกมาไม่หาย หยุดพักเสาร์อาทิตย์นี้ ขอหยุดพักผ่อนงดทำการบ้านชั่วคราว แล้วม้วนตัวยาวๆ นอนดูซอนต๊อกดีกว่า ดูซะให้หายแค้นไปเลย หึหึ

8.“ปลวกเอ๊ย” คำนี้หลุดมาบ่อยมากๆ โดยเฉพาะคนที่หวังไว้สูง แต่คะแนนดันมาน้อย ไม่รู้ว่าด่าตัวเอง หรือด่าใคร แต่ที่แน่ๆ หากพูดออกมาแล้วมันสบายใจ ก็พูดออกมาเถอะ แต่อย่ามาด่าพี่นะ พี่กลัว อิอิ

9.“ใครไซโค โดนตบ !!” คำพูดนี้หากพูดบ่อยๆ อาจมีเฮแน่นอน ดังนั้นฝากเตือนน้องๆ ชาวเด็กดีคนที่ได้คะแนนทั้งมาก และน้อยก็ไม่ต้องไปหลอกตัวเอง โพสโน่น บอกนี้ทำร้ายจิตใจคนอื่นๆ ทำแบบนี้มันปลวกมากๆ 555

10.“รอบหน้า ไม่เต็มให้มันรู้ไป” คำพูดปลุกใจที่ใช้ได้ผลมาทุกสมัย อีก 3 เดือนข้างหน้าก็จะสอบใหม่ ลองตั้งหลักใหม่ วางตารางใหม่ แล้วที่สำคัญต้องทำให้ได้ พี่ลาเต้ เชื่อว่าไม่เกิดความสามารถแน่นอน จริงไหมๆๆ
(69) วิธีทำ เนยถั่ว (peanut butter)
ส่วนผสมนะคะถั่วลิสงคั่วยังไม่ปลอกเปลือกน้ำมันข้าวโพด หรือน้ำมันพืชสิ่งที่ต้องเตรียมถ้วยตวงเครื่องปั่น แบบปั่นที่เป็นเม็ดเครื่องปั่น แบบปั่นให้ละเอียดช้อนตวง ช้อนโต๊ะ ช้อนชาขวดใส่ เนยถั่ววิธีทำปลอกเปลือกถั่ว แล้วตวงถั่วให้ได้ 1 ถ้วยตวงค่ะและเปลือกเปลือกสีแดงออกค่ะและก็ใส่ถั่วที่เครื่องปั่น ชอบแบบไม่ละเอียดก็ใส่เครื่องปั่นแบบไม่ละเอียดมากค่ะ หรือชอบแบบละเอียดก็ปั่นจนละเอียดไปเลยนะคะและจากนั้นก็ใส่ น้ำมันข้าวโพด หรือน้ำมันพืช หนึ่งหรือสองช้อนโต๊ะ ค่อยๆๆใส่ลงไปค่ะ จนเข้ากันได้ดีนะคะเป็นเนื้อเดียวกันค่ะและใส่ขวดเก็บไว้ในตู้เย็นนะคะ